
Marshall เป็นแบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ ระบบเสียงจากแต่ละอุปกรณ์ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมและส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน เลือกใช้ลำโพงชนิดนี้ในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูหนัง หรือแม้แต่ใช้งานในด้านอื่นๆ ในตัวเลือกสินค้า ที่ออกมาให้เราเลือกซื้อใช้งานก็หลากหลายมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์เสียงยอดนิยมอย่างหูฟังแบบมีสายและไร้สาย ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง
นอกจากนี้ หนึ่งในสินค้ายอดนิยมที่สุดเมื่อพูดถึงแบรนด์นี้ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือลำโพง Marshall ที่มีความสามารถในการใช้งาน และการสร้างเสียงก็ยอดเยี่ยม ผู้ใช้จำนวนมากรู้สึกทึ่งในคุณภาพและต้องการซื้อไปใช้ที่บ้าน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาและสนใจที่จะซื้อลำโพงรุ่นจากแบรนด์นี้ สำหรับใช้ในบ้านของคุณ ในตอนต่อไปของบทความนี้ เรา Firstway ได้รวบรวมโมเดลที่น่าสนใจบางส่วนไว้ให้คุณลองซื้อดู
10 ลำโพง Marshall ปี 2022
- Marshall Kilburn II
- Marshall Stockwell II
- Marshall Woburn II
- Marshall StanmoreII Voice
- Marshall Acton II Voice
- Marshall Emberton
- Marshall Tufton
- Marshall Uxbridge Voice
- Marshall Acton II Brown Limited color
- Marshall CODE 25
1. Marshall Kilburn II
ลำโพงขนาดเต็มแบบพกพาช่วยให้คุณฟังเพลงคุณภาพสูงได้ทุกที่ทุกเวลา
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Kilburn II
ขนาดสินค้า : 29 x 20 x 19 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 2.5 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : –
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : IPX2
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
อย่างแรกคือลำโพงพกพาจากแบรนด์ Marshall ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว และสามารถจัดวางได้อย่างลงตัวในแต่ละพื้นที่ ในส่วนของคุณภาพเสียงนั้นเรียกได้ว่าแน่น และเพิ่มความเพลิดเพลินในการรับชมสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย และด้วยการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 เวอร์ชันล่าสุด คุณจึงสามารถพกพาไปที่อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ยังมีการออกแบบที่จับซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการในเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดี
- การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0
- เหมาะสำหรับออกไปข้างนอก
- องค์ประกอบต่างๆ สามารถปรับแต่งได้
ข้อพิจารณา
- มาตรฐานการกันน้ำไม่สูงมาก
2. Marshall Stockwell II
ลำโพง Marshall Bluetooth เป็นรุ่นกะทัดรัด รองรับการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Kilburn II
ขนาดสินค้า : –
น้ำหนัก : –
ช่วงความถี่เสียง : –
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : IPX4
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
Marshall Stockwell II เป็นรุ่นกะทัดรัดจากแบรนด์ Marshall ที่ออกแบบมาเพื่อการพกพาที่ดีเยี่ยม และสามารถใช้ในสถานที่กลางแจ้งได้หลากหลาย ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการออกแบบที่ง่ายต่อการใช้งานและในแง่ของการใช้งาน น้ำหนักโดยรวมไม่ได้มากเกินไป สิ่งนี้ทำได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้งานแบบไร้สาย Bluetooth 5.0 และใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 20 ชั่วโมงจากแบตเตอรี่ภายใน เครื่องชาร์จสามารถชาร์จเพิ่มเติมผ่านอินเทอร์เฟซ USB Type C คุณภาพสูง โดยมีมาตรฐานการกันน้ำและกันฝุ่นที่มีความปลอดภัยสูง มีจำหน่ายที่ระดับ IPX4
ข้อดี
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IPX4
- ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง
- เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน 2 เครื่องพร้อมกันโดยใช้ Bluetooth 5.0
ข้อพิจารณา
- ขนาดที่ค่อนข้างเล็กอาจทำให้เอาต์พุตเสียงต่ำลง
3. Marshall Woburn II
ลำโพง Bluetooth สำหรับเดสก์ท็อปที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมแก่คุณทุกครั้งที่คุณต้องการ
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Woburn II
ขนาดสินค้า : –
น้ำหนัก : 8.55 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : 30 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
Marshall Woburn II จัดเป็นรุ่นไฮเอนด์ ใช้ได้เป็นการเชื่อมต่อแบบมีสายผ่านพอร์ต AUX 3.5 มม., Key-Highlight และ RCA Stereo, ไร้สายผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 ซึ่งจะเปิดใช้งานเอาต์พุตเสียง รวมถึงเพิ่มระยะการเชื่อมต่อพร้อมกัน นอกจากนี้ การควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ก็ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอพ สามารถหาดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดายสำหรับสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
ข้อดี
- เสียงมีช่วงความถี่กว้าง
- สั่งของผ่านแอพได้
- เชื่อมต่อรูปแบบมีสายและไร้สาย
ข้อพิจารณา
- ไม่เหมาะสำหรับการพกพา
4. Marshall StanmoreII Voice
ลำโพงไร้สาย Marshall เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายที่ง่ายดาย โดยใช้ Bluetooth เวอร์ชัน 5.0
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall StanmoreII Voice
ขนาดสินค้า : 42.5 x 26.5 x 28 เซนติเมตร
น้ำหนัก : –
ช่วงความถี่เสียง : 50 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
รุ่นนี้เป็นรุ่นไฮเอนด์อีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งมีค่ามากตั้งแต่ความสามารถในการแสดงเสียงของอุปกรณ์ซึ่งจะใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันในปี พ.ศ. 2565 เป็นที่รู้จักในฐานะอุปกรณ์ระดับสูงที่ให้ความสามารถในการรับชมคอนเทนต์และภาพเพลงที่หลากหลายได้อย่างราบรื่น พร้อมรับประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมในส่วนนี้ เป็นผลมาจากระบบ ADJUSTABLE BASS และ TREBLE CONTROLS ที่ช่วยปรับแต่งเสียงในส่วนนี้ ส่วน.
ข้อดี
- องค์ประกอบเสียงต่างๆ สามารถปรับแต่งได้
- มีให้เลือกทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- ระบบควบคุมเสียงเบสและเสียงแหลมที่ปรับได้เพื่อช่วยปรับเสียง
ข้อพิจารณา
- ยังคงใช้พอร์ตชาร์จ Micro USB อยู่
5. Marshall Acton II Voice
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Acton II Voice
ขนาดสินค้า : 26 x 16 x 15 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 2.85 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : 50 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
Marshall Acton II Voice เป็นอีกรุ่นมาตรฐาน รองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ระบบเวอร์ชั่น Bluetooth 5.0 คุณสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องได้อย่างเสถียรในระยะห่างมากกว่า 10 เมตร ในจำนวนนี้ รุ่นนี้ถือว่าใช้ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ หากหมายถึงความเหมาะสมของภูมิภาคในการวางผลิตภัณฑ์ ขนาดโดยรวมไม่ใหญ่เกินไปจึงวางบนโต๊ะได้อย่างลงตัว และที่สำคัญด้วยการออกแบบที่ทันสมัยยังช่วยให้เข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ทุกประเภทได้เป็นอย่างดี
ข้อดี
- ไม่ใช้พื้นที่มากเมื่อวาง
- ดีไซน์สวยงามทันสมัย
- การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0
ข้อพิจารณา
- ไม่รองรับมาตรฐานการกันน้ำ
6. Marshall Emberton
Marshall Bluetooth Speaker เป็นรุ่นเล็กที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน ระดับการกันน้ำคือ IPX7
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Emberton
ขนาดสินค้า : 0.68 x 1.6 x 0.76 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 0.7 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : 60 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : IPX7
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
สำหรับรุ่นนี้ เป็นลำโพงไร้สาย Marshall ตัวหนึ่งที่ใช้งานได้หลากหลาย รายละเอียดจากส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์ เพื่อให้ใช้งานได้ในช่วงความถี่เสียงที่รองรับตั้งแต่ 60 Hz ถึง 20,000 Hz การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ได้ และน้ำหนักรวม 700 กรัม พกพาสะดวก แบตเตอรี่ในตัวรองรับการเล่นเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 20 ชั่วโมง รวมถึงคุณสมบัติที่สำคัญในแง่ของมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่นยังให้คะแนน IPX7
ข้อดี
- มาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IPX7
- ใช้งานต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง
- น้ำหนักเพียง 700 กรัม
ข้อพิจารณา
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย
7. Marshall Tufton
ด้วยกำลังขับ 80 วัตต์ ลำโพง Marshall ที่มีเสียงเบสหนักแน่นได้รับการออกแบบในดีไซน์คลาสสิก
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Tufton
ขนาดสินค้า : 22.9 x 16.3 x 35 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 4.9 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : 40 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : IPX2
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
ถัดมาเป็นลำโพง Marshall ดีไซน์สวยคลาสสิค ซึ่งจะช่วยให้ห้องของคุณดูหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้น เมื่อวางร่วมกับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ในบ้าน ทั้งในแง่ของระบบ รุ่นนี้ถือว่าใช้งานได้ดีเยี่ยม จากช่วงความถี่สัญญาณเสียงออกได้ตั้งแต่ 40 Hz ถึงประมาณ 20,000 Hz และเวลาใช้งานต่อเนื่องของเครื่อง รองรับมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อรอบการชาร์จ ที่สำคัญพื้นที่กริปยังได้รับการออกแบบ เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องได้ง่ายขึ้น
ข้อดี
- ช่วงความถี่กว้าง
- เวลาเปิดใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง
- มีที่จับเพื่อให้ถือเครื่องได้สะดวกขึ้น
ข้อพิจารณา
- มาตรฐานการกันน้ำไม่สูงมาก
8. Marshall Uxbridge Voice
ลำโพง Marshall ขนาดมาตรฐานสามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดายโดยใช้แอพบนสมาร์ทโฟนของคุณ
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Uxbridge Voice
ขนาดสินค้า : 12 x 13 x 17 เซนติเมตร
น้ำหนัก : –
ช่วงความถี่เสียง : –
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : –
สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นมาตรฐาน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จากการถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Airplay 2, Spotify Connect และ Bluetooth หรือการใช้องค์ประกอบ Settings ก็ง่ายเช่นกัน โดยใช้แอป Marshall Voice ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาเพิ่มเติมจากสมาร์ทโฟนได้เอง
ข้อดี
- ตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่านแอพ
- เชื่อมต่อแบบไร้สายได้หลายรูปแบบ
- ไม่ใช้พื้นที่มากเมื่อวาง
ข้อพิจารณา
- ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
9. Marshall Acton II Brown Limited color
ลำโพงรุ่นลิมิเต็ดจากแบรนด์ Marshall สีสันสวยงามหรูหรา ซึ่งจะทำให้บ้านของคุณดูดีขึ้น
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall Acton II Brown Limited color
ขนาดสินค้า : 26 x 16 x 15 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 2.85 กิโลกรัม
ช่วงความถี่เสียง : 52 ถึง 20,000 เฮิรตช์
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
สี Marshall Acton II Brown Limited เป็นลำโพงรุ่นจำกัดที่มีการออกแบบที่หรูหราและสวยงาม และสามารถจัดวางได้อย่างลงตัวในการตกแต่งบ้านสไตล์ต่างๆ หลากหลาย สีหลักคือ สีน้ำตาล ซึ่งจะเพิ่มความสง่างามและความสวยงามให้กับตัวเครื่อง บวกกับการติดตั้งองค์ประกอบสีทองทำให้ดูคลาสสิกมากขึ้นในแง่ของงานระบบเสียง ซึ่งรุ่นนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในรุ่น แน่นอน เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ
ข้อดี
- การออกแบบที่สวยงามและสง่างาม
- น้ำหนักโดยรวมไม่สูงมาก
- รอยเท้าขนาดเล็ก
ข้อพิจารณา
- ไม่เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 28 ตารางเมตร
10. Marshall CODE 25
ลำโพงแอมพลิฟายเออร์ยี่ห้อ Marshall ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องดนตรี
ยี่ห้อ / รุ่น : Marshall CODE 25
ขนาดสินค้า : –
น้ำหนัก : –
ช่วงความถี่เสียง : –
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : –
เวอร์ชัน Bluetooth ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ : –
ในที่สุดก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งของลำโพงไฟฟ้าบลูทูธที่สามารถควบคุมและจัดการผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนของคุณ นำไปสู่การใช้งานต่างๆ เรียกได้ว่าหลากหลาย และตอบสนองการใช้งานรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญรุ่นนี้ยังเป็นรุ่นที่ปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ของเสียงได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการเชื่อมต่อเสียงที่ส่งออกของเครื่องดนตรีเช่นกีตาร์ไฟฟ้า
ข้อดี
- ปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ
- คุณสามารถควบคุมการทำงานผ่านแอพได้
- องค์ประกอบต่างๆ สามารถปรับแต่งได้
ข้อพิจารณา
- ใช้พื้นที่เพียงพอในการวาง
4 วิธีเลือกซื้อลําโพง marshall
1. เลือกจากประเภทการเชื่อมต่อของอุปกรณ์
ลำโพง Marshall ที่หาซื้อได้ในช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่จะแบ่งตามรูปแบบการเชื่อมต่อ และโดยทั่วไปจะมีรุ่นที่มีการเชื่อมต่อแบบมีสาย และการเชื่อมต่อแบบไร้สายใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ซึ่งแต่ละรุ่นได้รับการออกแบบให้ใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ
ความง่ายในการใช้งานควรนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ นี่เป็นผลมาจากการเชื่อมต่อ หากต้องการเน้นข้อดีของการพกพา หรือต้องการการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็วควรซื้อรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth แต่หากต้องการความเสถียรของการแสดงเสียง และไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายหรือนำอุปกรณ์ออกใช้ที่อื่นในบ้านตลอดเวลา ด้วยรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย อาจใช้งานได้ยาวนาน
2. พิจารณาขนาดของพื้นที่เมื่อวางเครื่อง
เนื่องจากสินค้าประเภทนี้มีจำหน่ายทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จึงกล่าวได้ว่าการพิจารณารายละเอียดในส่วนนี้หลายๆ ครั้งก็เป็นที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะหากรุ่นที่คุณซื้อมีขนาดใหญ่เกินไป อาจใช้พื้นที่ในการจัดวางได้มาก กินพื้นที่ให้เพียงพอที่บ้าน นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งเมื่อพิจารณาจากขนาดโดยรวมของผลิตภัณฑ์ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในสถานการณ์ที่คุณต้องการนำอุปกรณ์ไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ที่กระทบกระเทือน คุณจะต้องย้ายอุปกรณ์ไปที่อื่นด้วย
3. ใส่ใจกับขนาดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ
อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว ขนาดของตัวเครื่องก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง นี้สามารถส่งผลกระทบต่อพื้นที่การจัดวางอย่างมาก ทำก่อนตัดสินใจซื้อรุ่นที่เหมาะสม ดังนั้นคุณจึงไม่ควรลืมที่จะพิจารณารายละเอียดในส่วนนี้เมื่อซื้อ แต่เพื่อพิจารณาขนาดที่เหมาะสมที่สุด คุณควรดึงเลือดจากไลฟ์สไตล์ของคุณเป็นหลัก เพราะใครที่เลือกซื้อลำโพง Marshall ก็ใช้
แน่นอนว่าต้องมีวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการนำลำโพงไปที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นงานหรือใช้งานทั่วไป ควรมองหารุ่นพิเศษที่มีขนาดเล็กมาก เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าได้มากขึ้นและในขณะเดียวกันก็ลดน้ำหนักโดยรวมของอุปกรณ์ให้เบาลง อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ต้องพกเครื่องไปที่อื่นบ่อยๆ นี้จะถูกจัดเป็นหนึ่งในส่วน มันไม่สำคัญหรอก มันคือ
4. ตรวจสอบระยะเวลาการรับประกัน
ลำโพงส่วนใหญ่ขายภายใต้แบรนด์ Marshall เหล่านี้มักจะเป็นรุ่นระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม และจะทำด้วยวัสดุ Modern Luxury ทำให้เกือบทุกรุ่นมีวางจำหน่ายตามท้องตลาดโดยปกติจะมีราคาค่อนข้างสูง และออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระยะยาว ดังนั้นหากคุณต้องการเพิ่มมูลค่าการซื้อของคุณให้สูงสุด
จึงไม่ควรลืมรายละเอียดของการรับประกัน ทั้งในแง่ของเงื่อนไขการรับประกันความเสียหายและระยะเวลาการรับประกันแบบต่อเนื่องที่จะให้มากับสินค้าทำให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้ลำโพงเป็นเวลานานและสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นเมื่อเกิดความเสียหายระหว่างการใช้งาน ที่สำคัญนี้จะเป็นวิธีที่ เพื่อให้คุณได้ตระหนัก ส่วนที่คุณมักจะฝึกซ้อมขึ้นอยู่กับรุ่นที่คุณเลือกซื้อ
5. ตระหนักถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่มีอยู่
มันถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญตามมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานเครื่องเป็นเวลานานโดยเฉพาะมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่คุณสามารถหาได้ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์แต่ถึงแม้ว่า เกือบทุกรุ่นที่ออกจำหน่ายนั้นจะมีทั้งมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความแตกต่างในแง่ของมาตรฐาน ทางแบรนด์ก็เลือกไปแต่ละรุ่นด้วย ดังนั้นหากต้องการซื้อรุ่นที่ตอบสนองได้ดี และคุ้มค่าที่จะใช้ในระดับสูงสุดโดยคำนึงถึงมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นภายในตัวเครื่องพร้อมกับระดับราคาหรืองบประมาณในการเลือกซื้อที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ควรทำเสมอ
6. เลือกจากระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง
เราได้เลือกลำโพง Marshall มากมายให้คุณทดลองใช้วันนี้ ส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งช่วยให้ใช้งานเป็นอุปกรณ์ไร้สายได้ ดังนั้นต้องชาร์จแบตเตอรี่ก่อนเปิดใช้งาน ดังนั้นหากว่ากันด้วยเรื่องของการใช้งานแบบไร้สาย การกำหนดความจุของแบตเตอรี่ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน โดยเฉพาะหากต้องนำเครื่องออกไปใช้งานข้างนอก คุณอาจต้องพกสายชาร์จติดตัวไปด้วยเมื่อคุณเดินทาง หากคุณเลือกใช้รุ่นที่มีเวลาทำงานต่อเนื่องสั้นเกินไป ซึ่งจะทำให้มีอุปกรณ์มาอยู่ในแพ็คมากขึ้นนั่นเองค่ะ
บทสรุป
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว ความสามารถในการทำงานและส่วนประกอบที่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเลิศของลำโพง Marshall ทำให้ทุกขั้นตอนของการพิจารณาซื้อมีความสำคัญมากขึ้น และไม่ควรมองข้ามในการตัดสินใจทั้งหมด เพื่อให้คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าที่สุดที่คุณเลือกได้ในทุกสถานการณ์
ซึ่งตัดสินใจว่าคุณควรดูที่ความคุ้มค่าในรายละเอียดทั้งหมดที่แบรนด์นำเสนอ รวมถึงการพิจารณาระดับราคาที่เหมาะสมและอย่าลืมติดตามประเด็นการรับประกัน นี้จะช่วยให้คุณใช้มันอย่างมีค่ามากขึ้นในระยะยาว เพราะเกือบทุกรุ่นที่ออกวางจำหน่ายมักจะเป็นรุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูงตามมูลค่าตัวเครื่องเอง แต่ถ้าคุณสนใจที่จะซื้อและตัดสินใจติดตั้งลำโพง Marshall ในบ้านของคุณ เราเชื่อว่าจากทั้ง 10 รุ่น ที่รวบรวมได้ในวันนี้ ให้คุณได้ลองใช้งาน คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน