ขนมแมว

เคล็ดไม่ลับ ควรให้ขนมแมวอย่างไร ให้ดีต่อสุขภาพ

การให้ขนมแมวเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยป้อนด้วยมือถือเป็นวิธีที่ดีที่แสดงความรักและความเอื้อเฟื้อต่อแมวของคุณได้ แมวที่สนใจคุณมากพอที่จะมากินอาหารจากมือของคุณเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแมวของคุณมากขึ้นและในบทความนี้ Firstway จะมาแนะนำวิธีให้ขนมแมว เพื่อให้แมวสุดรักของคุณมีสุขภาพดีห่างจากโรค ซึ่งรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

ข้อแนะนำที่ควรรู้ ก่อนให้ขนมแมว?

เมื่อต้องการให้ขนมแมวควรให้แบบพอดี นี่คือบางข้อแนะนำที่ควรพิจารณา

  1. คำนึงถึงความเหมาะสมของขนม: ให้แน่ใจว่าขนมที่คุณให้เหมาะสมกับแมวของคุณตามอายุ สุขภาพ และความต้องการพลังงานของมัน อ่านฉลากของขนมเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนประกอบที่เหมาะสมและปราศจากส่วนประกอบที่อันตรายสำหรับแมว
  2. ขนมเป็นเพียงอาหารเสริม: ขนมสำหรับแมวไม่ควรเป็นอาหารหลักของมัน แม้ว่าแมวจะสนใจขนมและกินเข้าไป ควรให้แมวรับประทานอาหารสมดุลที่ครอบคลุมความต้องการทางโภชนาการของมันให้เพียงพอ
  3. ควบคุมปริมาณการให้ขนม: ขนมสำหรับแมวเป็นของหวานและมีพลังงานสูง การให้ขนมเกินไปอาจทำให้แมวมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนัก ควรจำกัดปริมาณและความถี่ในการให้ขนมให้เหมาะสมกับความต้องการของแมวและแนะนำจากสัตวแพทย์
  4. ให้ขนมเป็นช่วงเวลาพิเศษ: การให้ขนมแมวโดยป้อนด้วยมือสามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและแมวของคุณเพิ่มมากขึ้น แต่ควรให้ขนมในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่อคุณมีเวลาว่างหรือต้องการสร้างความสัมพันธ์อย่างเฉพาะเจาะจงกับแมวของคุณ
  5. ความสะอาดและความปลอดภัย: ก่อนที่จะป้อนขนมแมวด้วยมือ ตรวจสอบว่ามือของคุณสะอาดอยู่และปราศจากสิ่งสกปรก แนะนำให้ล้างมือก่อนและหลังจากการป้อนขนม นอกจากนี้ยังควรให้แมวรับประทานในที่ที่ปลอดภัยและไม่มีสิ่งที่อันตรายสำหรับแมว
แมว
แมว

ขนมแมวที่ให้กิน ควรให้แบบไหน?

การให้ขนมแมวบางชนิดที่เป็นของมนุษย์อาจมีความหลากหลายให้เลือก แต่ควรระมัดระวังและคำนึงถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการให้อาหารนี้ให้แมวของคุณ อาหารของมนุษย์มักจะมีปริมาณแคลอรี่และโซเดียมสูง ซึ่งอาจทำให้แมวมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับน้ำหนักหรือระบบทางเลือก นอกจากนี้ อาหารของมนุษย์ยังขาดสารอาหารสำคัญที่เฉพาะเจาะจงต่อแมวอีกด้วย

ควรเลือกซื้อขนมแมวที่ผู้ผลิตได้พัฒนามาเป็นพิเศษเพื่อความต้องการของแมว มีตัวเลือกจำนวนมากให้เลือกซึ่งมาพร้อมกับการดูแลระบบการย่อยอาหารและสุขภาพฟันของแมวอีกด้วย สามารถให้เป็นของว่างหรือรางวัลสำหรับแมวได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความสนุกสนานและความพอใจให้แก่แมวของคุณ

อย่างไรก็ตาม ควรอ่านฉลากและคำแนะนำจากผู้ผลิตก่อนที่จะให้ขนมแมวใด ๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนประกอบที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับแมว การปรึกษากับสัตวแพทย์เกี่ยวกับการให้อาหารแมวเพิ่มเติมก็เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ของแมวของคุณ

ในหนึ่งวันควรให้ขนมแมวมากแค่ไหน จึงจะเหมาะสม?

ในกรณีที่คุณให้ขนมแมวที่มีพลังงานสูงและออกแบบมาเพื่อให้แมวเป็นบางโอกาส เช่น ขนมแมวสำหรับควบคุมน้ำหนัก คุณควรจำกัดปริมาณขนมให้แมวไม่เกิน 10% ของปริมาณอาหารหลักที่คุณให้แมวต่อวัน นี้จะช่วยให้แมวไม่ได้รับปริมาณแคลอรี่เพิ่มเติมเกินไปจากขนมและคงความสมดุลของสารอาหารที่แมวควรได้รับจากอาหารหลักไว้ได้

การควบคุมปริมาณขนมที่คุณให้แมวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีให้แมว หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักของแมว คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมและปริมาณที่ควรให้แมว เพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและคงความสมดุลในการบริโภคอาหารอยู่เสมอ

“การใช้ขนมแมวเป็นรางวัลให้แมวสามารถสร้างความผูกพันและความสุขให้กับเจ้าของได้ คุณจะได้เห็นแมวที่คุณรักเพลิดเพลินกับรสชาติอร่อยของขนม การให้ขนมเป็นรางวัลสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณและแมวของคุณได้ เป็นวิธีที่ดีในการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนานและอบอุ่นกับแมวของคุณ”

ให้ขนมแทนรางวัลของการฝึกและการออกกำลังกายได้

การให้ขนมแมวเป็นรางวัลเพื่อกระตุ้นแมวให้เล่นเกมหรือออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีเพื่อสร้างความสนุกและผูกพันกับแมวของคุณ คุณสามารถใช้ขนมแมวเล่นเกมซ่อนขนมในภาชนะต่างๆ เพื่อให้แมวมีความสนุกกับการค้นหาและออกกำลังกายพร้อมกัน การผสานความสนุกจากการเล่นเกมและการออกกำลังกายนี้สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสุขร่วมกันได้

เวลาแมวอ้อนขออาหารควรทำอย่างไร?

การให้อาหารมนุษย์กับแมวเป็นเรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาหารของมนุษย์มีส่วนประกอบที่ไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับแมวได้ อีกทั้งอาจทำให้แมวเพิ่มน้ำหนักอย่างไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของพวกเขา ดังนั้นควรให้อาหารที่เหมาะสมและอย่าให้แมวกินอาหารจากอาหารของคุณ

อีกทั้งคุณไม่ควรทิ้งอาหารที่เหลือจากมื้ออาหารของคุณเพราะแมวอาจคิดว่าเป็นอาหารที่คุณเตรียมไว้ให้หรือเป็นขนมสำหรับแมว แนะนำให้ใช้ชามส่วนตัวเฉพาะของแมวที่ให้แมวสามารถกินอาหารได้เท่านั้น

ในช่วงแรก อาจใช้ความอดทนเพื่อรับมือกับการอ้อนของแมวเมื่อคุณกำลังทานอาหาร และแมวจะเรียนรู้ว่าการพยายามอ้อนไม่ได้ผลเพื่อให้คุณให้อาหาร จนกระทั่งแมวจะเลิกพยายามขออาหารของคุณด้วยตัวเอง

อาหารอะไรบ้างที่แมวไม่ควรกิน?

  1. กาแฟ: คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟอาจก่อให้เกิดอาการเหนื่อยล้าและอาเจียนในแมว เนื่องจากแมวไม่สามารถปรับตัวต่อคาเฟอีนได้เหมือนมนุษย์
  2. ช็อกโกแลต: ช็อกโกแลตมีสารทอกซิกอลเลตที่อาจก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย อาเจียน และหัวใจเต้นเร็วในแมว การบริโภคจำนวนมากของช็อกโกแลตอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของแมว
  3. องุ่นและลูกเกด: องุ่นและลูกเกดมีสารที่เรียกว่าแอลกอฮอล์ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย อาเจียน และปัญหาทางเอนเอียงในแมว
  4. แป้งดิบ: แป้งดิบมีความเป็นพิษต่อระบบย่อยอาหารของแมว ซึ่งอาจเกิดอาการท้องเสียและอาเจียน
  5. หอมหัวใหญ่และกระเทียม: หอมหัวใหญ่และกระเทียมมีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อแมว การบริโภคในปริมาณมากอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางเอนเอียงและอาการท้องเสีย

voucher

ในขณะที่คุณเตรียมอาหารสำหรับแมว ควรงดให้แมวป้วนเปี้ยนในครัวและรักษาระเบียงอาหารที่อันตรายต่อแมวให้ไกลออกไปจากพื้นที่ที่แมวสามารถเข้าถึงได้ หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณอาจได้รับการบริโภคอาหารในรายการข้างต้น คุณควรติดต่อสัตวแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการให้ขนมแมว เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของแมว ควรให้ขนมแมวเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลที่คุณเตรียมไว้ให้แก่แมวของคุณ

แชร์บทความนี้:

Facebook
Twitter
Email

สารบัญ

สิ่งที่คุณอาจจะสนใจ